ค่าเสียหายส่วนแรกคืออะไร Deduct กับ Excess ต่างกันยังไง

Last updated: 22 ต.ค. 2563  |  1099 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ค่าเสียหายส่วนแรกคืออะไร Deduct กับ Excess ต่างกันยังไง

ค่าเสียหายส่วนแรกคืออะไร Deduct กับ Excess ต่างกันยังไง
ค่าความเสียหายส่วนแรก คือเงินคุณจะต้องควักกระเป๋าจ่ายเองก่อนที่บริษัทประกันจะชดใช้ค่าเสียหายอื่นๆ ให้ตามที่เคลม ในกรณีการเคลมที่คุณเป็นผ่ายผิด หรือคุณไม่สามารถยืนยันได้ว่าตนเองเป็นฝ่ายถูก ซึ่งจุดประสงค์ของการมีค่าเสียหายส่วนแรกก็คือเพื่อให้คนขับมีความระมัดระวังในการขับรถมากขึ้น หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ป้องกันพวกที่คิดว่าทำ ประกันรถชั้น 1 แล้วจะขับรถโดยประมาทยังไงก็ได้ เพราะฉันทำประกันไว้แล้ว โดยค่าเสียหายส่วนแรกที่เราได้ยินกันบ่อยๆ และสร้างความสับสนงงงวยก็มีอยู่ 2 ประเภท ซึ่งก็คือ Deductible และอีกประเภทหนึ่งก็คือ ค่า Excess (บางที่เรียกกันว่าค่า Accept) ซึ่งมีความแตกต่างกัน

ค่า Deductible คืออะไร?
ค่าความเสียหายส่วนแรกภาคสมัครใจของผู้ทำประกันเอง เป็นค่าความเสียหายส่วนแรกที่คนขับสามารถเลือกรับได้ว่าจะจ่ายเท่าไร และจะระบุไว้ในกรมธรรม์ของคนขับเลย โดยเป็นเงินที่คนขับสมัครใจจ่ายให้กับบริษัทประกัน เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาและคุณเป็นฝ่ายผิด โดยประกันภัยรถยนต์ชั้น 1, 2+, 3+ มีตัวเลือกให้คนขับสามารถเลือกรับค่า Deductible ได้ เพื่อนำไปเป็นส่วนลดค่าเบี้ยต่อประกันภัยรถยนต์ หากมั่นใจในฝีมือการขับรถของตัวเอง

ค่า Deductible เริ่มต้นที่ 1,000 - 5,000 บาท ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ทำประกันภัยรถยนต์ โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อการเลือกรับค่า Deductible คือประสบการณ์การขับขี่ของคุณนั่นเอง หากคุณขับรถเก่ง ก็เลือก Deductible สูงสุด 5,000 บาทได้เลย เพราะคุณสามารถเอาไปลดค่าเบี้ยในจำนวนเงินที่เท่ากันได้

เช่น สมมติเบี้ยประกันของคุณปีละ 15,000 บาท แต่ถ้าคุณเลือกรับค่าเสียหายส่วนแรกไว้ที่ 5,000 บาท ค่าเบี้ยของคุณจะลดเหลือเพียง 10,000 บาท แต่หากมีการเคลมเกิดขึ้น คุณก็ต้องจ่ายค่าซ่อมเองก่อน 5,000 บาททุกครั้ง โดยส่วนต่างที่เหลือ บริษัทประกันฯ ก็จะรับผิดชอบให้ทั้งหมดตามทุนประกันของคุณนั่นเอง

จริงๆ แล้ว การเลือกรับค่าเสียหายส่วนแรกเป็นเพียง 1 ในวิธีที่จะช่วยคุณประหยัดค่าเบี้ยประกันรถยนต์ คุณจะเลือกรับ หรือไม่เลือกรับค่าเสียหายส่วนแรกเลยก็ได้ ผู้เชี่ยวชาญด้านประกันของเราจะแนะนำทางเลือกที่ดีที่สุดให้กับคุณ โดยดูจากสไตล์การขับรถ ไลฟ์สไตล์ และงบที่คุณตั้งเอาไว้

ค่า Excess คืออะไร?
สำหรับค่า Excess เป็นค่าความเสียหายภาคบังคับที่จะเกิดขึ้นเฉพาะกับการเคลมประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เท่านั้น จะเสียในกรณีที่เราไม่สามารถแจ้งให้บริษัทประกันฯ ทราบถึงสาเหตุร่องรอยบนรถนั้นได้ หรือไม่สามารถระบุคู่กรณีได้นั่นเอง

ค่า Excess หรือค่าความเสียหายส่วนแรกที่อยู่ในความรับผิดชอบของผู้ขับขี่ คือ ค่าเสียหายที่เกิดจากความประมาทจากการขับขี่โดยไม่มีคู่กรณี ที่ผู้ขับขี่ต้องรับผิดชอบเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น ในทางประกันถือว่าเป็นความไม่ระมัดระวังในการใช้งาน เริ่มที่ 1,000-2,000 บาท ต่อการเคลมหนึ่งครั้ง เวลารถโดนเฉี่ยวชน หลายคนจึงนิยมรอสะสมรอยขีดข่วนไว้เยอะๆ ก่อน แล้วค่อยเคลมรอบคันทีเดียว เพื่อที่จะได้เสียค่า Excess แค่รอบเดียว

แล้วจะเคลมอย่างไรไม่ให้เสียค่า Excess
เพราะคนส่วนใหญ่ที่ขับรถมานาน มีประสบการณ์ บางคนก็มักจะหัวหมอไม่มากก็น้อย โดยการสร้างเรื่องขึ้นมาหลอกบริษัทประกันฯ ดังนั้นทาง คปภ. หรือสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เลยออกกฎมาว่า “การเคลมที่ไม่ต้องจ่าย ค่า Excess นั้นต้องมาจากการชน ปะทะ แตก หรือมีการบุบให้เห็นได้อย่างชัดเจน ไม่ใช่รอยครูด หรือการเฉี่ยวถลอก”

เพราะฉะนั้น วิธีที่คุณแจ้งเคลมมีผลต่อการจ่ายค่า Excess นี้มากๆ ไม่ว่าจะเคลมสด ซึ่งก็คือการชนแล้วแจ้งเลย ระบุวันเวลาเกิดเหตุชัดเจน หรือเคลมแห้ง ซึ่งก็คือการเก็บสะสมรอยแผลไว้แล้วมาแจ้งเคลมทีเดียวรอบคัน จำให้ขึ้นใจเลยว่า การเคลมทั้งสองแบบนี้ให้ผลต่างกันอย่างมาก ในแง่ของการประกันภัย

ทาง คปภ. ได้มีคำอธิบายเพิ่มอีกว่า “การเคลมรถยนต์กับสิ่งอื่นๆ (ที่ไม่ใช่รถยนต์) เช่น รั้ว กระถาง ต้นไม้ สัตว์ ฯลฯ ที่ทำให้ตัวรถได้รับความเสียหาย ผู้เอาประกันภัยไม่ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายส่วนแรก (ค่า Excess) แต่ต้องสามารถแจ้งให้บริษัททราบถึงลักษณะการเกิดเหตุ วัน เวลา และสถานที่ได้อย่างชัดเจน”

ดังนั้นในการเคลมไม่ว่าคู่กรณีเป็นสิ่งมีชีวิตหรือสิ่งไม่มีชีวิต

  1. ถ้าขับชนเองและระบุคู่กรณีได้ ไม่เสียค่า Excess
  2. ห้ามบอกว่า “ไม่รู้” ไปโดนอะไรมา เพราะจะทำให้ต้องเสียค่า Excess แน่นอน
  3. ถ้าขับชนกับรถคันอื่น แต่ ไม่มีหลักฐานหรือไม่ทราบทะเบียนรถคู่กรณี ต้องเสียค่า Excess
  4. ถ้าขับรถไปชนสิ่งอื่นที่ไม่ใช่รถยนต์จนบุบ เช่น รั้ว กระถาง หรือเสา แบบนี้แค่ระบุลักษณะเกิดเหตุให้ชัดเจน ไม่จำเป็นต้องเสียค่า Excess (ตามที่ คปภ. ระบุไว้)

หลักๆ ก็คือต้องแจ้งลักษณะการเกิดเหตุ และสามารถระบุวัน เวลา สถานที่ได้อย่างชัดเจน เกิดเหตุปุ๊ป แจ้งประกันเพื่อขอเคลมปั๊ป หรือที่หลายคนรู้จักกันดีว่าเป็นการ เคลมสด นั่นเอง

เคลมแบบไหนเสียค่า Excess ชัวร์!
  • ขับรถไปเหยียบตะปู หรือของมีคมทำให้ยางแตกหรือระเบิด
  • ก้อนหิน วัตถุหรือกิ่งไม้กระเด็นตกใส่รถตอนพายุลมแรง ทำให้เกิดรอยขูด หรือแผลยุบ
  • มีรอยขูดขีด ไม่ว่าจะโดนมุ่งร้าย กลั่นแกล้ง หรือขับไปครูดอะไรมาก็ตาม
  • ขับตามรถบรรทุกแล้วของหล่นใส่
  • สีปลิวจากที่ไหนไม่รู้มาติดรถ
  • รถไถลลงข้างทาง
  • รถถูกสัตว์กัดแทะหรือขีดข่วน
  • กระจกรถแตก
  • ความเสียหายที่ไม่สามารถระบุสาเหตุที่ทำให้รถได้รับความเสียหายได้ชัดเจน
  • เกิดอุบัติเหตุแบบไม่สามารถระบุคู่กรณีได้ (ที่ไม่ใช่การชน)

กรณีประมาณนี้ เราจะต้องเสีย Excess ประมาณ 1,000 บาท / ครั้งที่เคลม

สิ่งสำคัญที่คนผู้ขับรถทุกคนพึงกระทำคืออ่านกรมธรรม์ฯ ให้ละเอียด แล้วศึกษาเงื่อนไขค่า Excess หรือค่าเสียหายส่วนแรกให้ชัดเจน เช่นเดียวกับการเลือกความคุ้มครองจาก ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 กับบริษัทประกันฯ ที่น่าเชื่อถือในราคาที่ใช่ เคลมง่าย และเหมาะกับคุณที่สุด พร้อมโปรฯ ดีๆ มอบความไว้วางใจกับ EasyCompare เพื่อความอุ่นใจในการขับขี่ เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ทุกชั้น กับเราวันนี้เลย

ขอบคุณ easycompare

TEL : 093-9946227

  ติดต่อเจ้าหน้าที่  


Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้